โครงการบ้านพิงพัก
“โครงการนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะสุดท้ายที่ขาดโอกาสและไร้ที่พึ่ง และโครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมของประเทศชาติ บทบาทสำคัญเพื่อช่วยลดจำนวนผู้ป่วยที่ต้องรอเตียงในโรงพยาบาล ซึ่งมีผู้ป่วยหลายรายไม่สามารถกลับบ้านไปพักฟื้นรักษาตัวที่บ้านตนเองได้ เนื่องจากสภาพแวดล้อมในชุมชนไม่เอื้ออำนวยต่อการดูแลในเชิงการแพทย์ และมีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่ต้องพักอยู่ใต้สะพานลอยหรือตามทางเดินของโรงพยาบาลระหว่างเข้ารับการรักษา บ้านพิงพักของซึ่งเป็นโครงการของศูนย์สิรกิติ์บรมราชินีนาถ เพื่อโรคมะเร็งเต้านม จึงเป็นสถานที่ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยเหล่านี้ โดยเรามีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยครบคลุมทุกความจำเป็นและผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะสุดท้ายเหล่านี้จะได้รับการดูแลจากพยาบาลผู้เชี่ยวชาญเป็นอย่างดี”
นพ.กฤษณ์ จาฏามระ – หัวหน้าศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ เพื่อโรคมะเร็งเต้านม และประธานมูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ


โครงการบ้านพิงพัก ก่อตั้งขึ้นบนที่ดิน 121 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินที่ได้บริจาคให้ นพ.กฤษณ์ จาฏามระ โดยผ่านช่องทางมูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ เพื่อรำลึกถึงคุณ Tangdum Swangphon ในปี พ.ศ. 2551 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อดูแลผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะสุดท้ายที่ขาดโอกาสและไร้ที่พึ่ง ซึ่งผู้ป่วยดังกล่าวต้องการการพักฟื้นหลังการทำหัตถการในการรักษาและฟื้นฟูร่างกาย หรือเป็นสถานที่พักระหว่างการเข้ารับการรักษาที่ศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ เพื่อโรคมะเร็งเต้านม รวมถึงผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่ต้องการการดูแลแบบประคับประคอง โครงการนี้มุ่งหวังที่จะเป็นสถานพักพิงที่เปี่ยมด้วยความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ โดยมีทีมทำงานผู้เชี่ยวชาญจากสหสาขาวิชาชีพ คอยให้การดูแลอย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจากทั่วประเทศจะได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการคัดกรองพิเศษ โดยจะเน้นเฉพาะผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดเท่านั้นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ และจะมีการคัดกรองเบื้องต้นจากสภากาชาดไทยทั่วประเทศ




หนึ่งในอาคารทั้งสามที่จัดสร้างขึ้น เพื่อรองรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน โดยแต่ละอาคารประกอบด้วยห้องพักจำนวน 8 ห้อง พร้อมระเบียงส่วนตัวที่เปิดรับทัศนียภาพของสวนอันเขียวขจี ซึ่งได้รับการตกแต่งด้วยต้นไม้หลายร้อยต้น เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ร่มรื่น
โครงการเฟสแรกของบ้านพิงพักได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ โดยรองรับผู้ป่วยระยะพักฟื้นจำนวน 16 ราย และผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะสุดท้ายอีก 16 ราย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน อาทิ ห้องยา ห้องตรวจทางการแพทย์ และที่พักสำหรับเจ้าหน้าที่ โดยในเฟสถัดไปเรา มีแผนจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม ซึ่งจะให้บริการด้านการฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ อาชีวบำบัด และกายภาพบำบัด พร้อมส่งเสริมการเรียนรู้ทักษะและกิจกรรมใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยที่มีรายได้น้อยสามารถนำกลับไปหาเลี้ยงชีพและใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพหลังจากสิ้นสุดการรักษา ทั้งนี้ เรายังเป็นสถาบันแห่งแรกในประเทศไทยที่มีหลักสูตรฝึกอบรมพยาบาลอย่างเป็นทางการด้านการพักฟื้น การดูแลแบบประคับประคอง และการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย และเพื่อนำบุคลากรดังกล่าวไปดูแลผู้ป่วย ณ บ้านพิงพัก
ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี เรามุ่งมั่นดูแลผู้ป่วยที่ขาดโอกาสและไร้ที่พี่งในชุมชนแออัดของกรุงเทพมหานคร และจากประสบการณ์ตรงในการปฏิบัติภารกิจทำให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนของการมีสถานพยาบาลที่ปลอดภัยและถูกสุขลักษณะ เพื่อใช้เป็นที่พักฟื้นสำหรับผู้ป่วยหลังการรักษา เนื่องจากผู้ป่วยจำนวนมากไม่สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ ด้วยสภาพความเป็นอยู่ในชุมชนที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้ต้องพักในเตียงผู้ป่วยหนักเป็นเวลานาน ซึ่งเตียงดังกล่าวมีความจำเป็นต้องเวียนใช้กับผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดรายใหม่ต่อไป
นอกจากนี้ ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะสุดท้ายหลายรายยังไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ เพราะหากกลับบ้านก็จะต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการดูแล และอาจจบชีวิตลงอย่างทุกข์ทรมาน ดังนั้น โครงการบ้านพิงพักจึงถูกจัดตั้งขึ้น เพื่อทำหน้าที่เป็นทั้งสถานพักฟื้น ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยมะเร็ง และสถานดูแลผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย รองรับผู้ป่วยจากทั่วประเทศ โดยเฉพาะผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับเครือข่ายสภากาชาดไทยทั่วประเทศ และการคัดกรองผู้ป่วยโดยคณะกรรมการทางการแพทย์ของมูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ ทำให้มั่นใจได้ว่าความช่วยเหลือจะส่งถึงผู้ที่ต้องการอย่างแท้จริง


ก่อนที่ทางศูนย์สิรกิติ์บรมราชินีนาถ เพื่อโรคมะเร็งเต้านม จะริเริ่มโครงการลงพื้นที่เพื่อให้ความรู้เรื่องมะเร็งเต้านมแก่ผู้หญิงที่ขาดโอกาสที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัด สิ่งเดียวที่เราพอจะช่วยพวกเขาได้ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต คือเหล้ารัมเพียงแค่ขวดเดียว เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่พวกเธอต้องเผชิญ
ซิสเตอร์โจน อีแวนส์ ผู้ทำงานร่วมกับศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ เพื่อโรคมะเร็งเต้านม มายาวนานในชุมชนแออัดที่ยากจนที่สุด ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความจำเป็นเร่งด่วนของการมีสถานพยาบาลที่เหมาะสมอย่างบ้านพิงพัก
มูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ เป็นช่องทางในการระดมทุนเพื่อสนับสนุนโครงการต่างๆ ของศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ เพื่อโรคมะเร็งเต้านม หมายรวม “โครงการบ้านพิงพัก” ซึ่งเป็นที่พักพิงสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย โครงการนี้ได้รับความร่วมมืออันดียิ่งจากภาคเอกชนชั้นนำ โดย บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ได้เข้ามาบริหารจัดการโครงการทั้งหมดโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย (Pro Bono) บริษัท PLandscape (PLA) ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ได้อาสาออกแบบภูมิทัศน์ทั้งหมด และผลงานการออกแบบ “บ้านพิงพัก” ยังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ “Outstanding Award” ในหมวด Social and Community Health จากสมาพันธ์ภูมิสถาปนิกนานาชาติ (IFLA) ประจำปี พ.ศ. 2561 แม้ว่าเงินทุนสำหรับการดำเนินงานใน 3 ปีแรกจะได้รับการระดมทุนครบถ้วนแล้ว โครงการยังคงต้องการ การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเพื่อการบำรุงรักษาและดำเนินงานในระยะยาว
“ในฐานะภูมิสถาปนิก เรามองว่าบทบาทในโครงการ ‘บ้านพิงพัก’ ไม่เพียงเป็นเกียรติอย่างสูงในการทำงาน แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นในพลังของภูมิทัศน์ในฐานะ ‘ธรรมชาติบำบัด’ (Nature as a Healer) ที่ช่วยเยียวยาและฟื้นฟูจิตใจ เราจึงได้เนรมิตพื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งของโครงการให้เป็นสวนภูมิทัศน์ และจะขยายเพิ่มเติมด้วยฟาร์มออร์แกนิกและสวนผลไม้ในระยะที่สอง ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมอันเปี่ยมด้วยศักดิ์ศรีและความเกื้อกูล ตั้งแต่การบริจาคต้นไม้จากบุคคลทั่วไปผ่านทางเว็บไซต์ ไปจนถึงการสนับสนุนด้านวัสดุและอุปกรณ์จากผู้รับเหมาในราคาต้นทุนหรือโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โครงการบ้านพิงพักจึงเป็นบทพิสูจน์ที่แท้จริงของพลังแห่งความร่วมมือและจิตวิญญาณของชุมชนอย่างแท้จริง”
— วรรณพร พรประภา, หัวหน้านักออกแบบ, หทัย โรจน์ศิริไพบูลย์ ภูมิสถาปนิก บริษัท แปลนสเคป จำกัด (PLANDSCAPE Co.Ltd)
โครงการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
โครงการบ้านพิงพัก สร้างขึ้นบนที่ดินบริจาคขนาด 50 เอเคอร์ (ประมาณ 121ไร่) โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของระบบนิเวศ

